#ระบบยุติธรรมบ้านเรา…น่าอดสูมาก ขอเป็นอุทาหรณ์ คดีครูสาว 'แพะ' ติดคุกฟรีปีครึ่ง ลูกไม่ได้เรียน

ระบบยุติธรรมบ้านเรา…น่าอดสูมาก ขอเป็นอุทาหรณ์ 
คดีครูสาว 'แพะ' ติดคุกฟรีปีครึ่ง ลูกไม่ได้เรียน
เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2560 ที่กระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนายนิธิต ภูริคุปต์ เลขานุการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เปิดเผยถึงการให้ความช่วยเหลือประชาชนกรณีของ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 54 ปี อดีตครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.สกลนคร ภายหลังถูกศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี 2 เดือน ในคดีขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต เหตุเกิดเมื่อปี 2548 และถูกจำคุกตั้งแต่เมื่อปี 56 ก่อนได้รับอภัยโทษออกมาเมื่อปี 2558
ล่าสุด ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ฯ ได้เข้าไปช่วยเหลือจนสามารถนำพยานหลักฐานใหม่มายื่นต่อศาลและศาลสั่งให้รื้อฟื้นคดีใหม่ เนื่องจาก นางจอมทรัพย์ ยืนยันขณะเกิดเหตุตนอยู่กับครอบครัวที่บ้าน ซึ่งอยู่ที่ จ.สกลนคร แต่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ จ.นครพนม ภายหลังเจ้าหน้าที่สามารถสอบสวนหาพยานหลักฐานใหม่ ที่แสดงให้เห็นว่านางจอมทรัพย์ไม่ได้เป็นผู้กระทำผิด เพราะสามารถติดตามหาตัวผู้ก่อเหตุตัวจริงที่ให้การยอมรับสารภาพต่อศาลว่า เป็นคนกระทำผิดจริง โดยผู้ก่อเหตุตัวจริงเป็นบุคคลที่มีฐานะ ทำให้ศาลเชื่อได้ว่าไม่ได้เป็นการรับจ้างมารับผิดแทน 
                
นายนิธิต กล่าวว่า กรณีดังกล่าวผู้กระทำผิดตัวจริงเป็นผู้ไปให้การรับสารภาพต่อหน้าศาลด้วยตัวเอง ถือเป็นพยานหลักฐานใหม่ที่สำคัญและมีน้ำหนักให้ศาลพิจารณา หลังจากนี้ศาลได้นัดสืบพยานใหม่ในวันที่ 16 ม.ค.นี้ เวลา 13.00 น. สำหรับการช่วยเหลือในฐานะเป็นจำเลยในคดีอาญาตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญานั้น เบื้องต้นต้องรอให้ศาลมีคำพิพากษาว่าไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดจริงก่อน จากนั้นจึงสามารถยื่นคำร้องขอรับการเยียวยาได้
โดยคดีดังกล่าวต้องแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ การรื้อฟื้นคดีหากคดีสิ้นสุดแล้ว จึงจะสามารถสอบสวนเพื่อหาคนผิดในคดีขับรถชนคนตายได้ อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ประชาชนที่เดือดร้อนและต้องการรับความช่วยเหลือในการต่อสู้คดีควรขอรับความช่วยเหลือในระหว่างที่คดียังไม่สิ้นสุด เพราะหากรอจนคดีสิ้นสุดแล้ว การจะรื้อฟื้นคดีใหม่ตามเงื่อนไขของศาลเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะคดีที่ผู้ต้องหาไม่ใช่ผู้ที่กระทำผิดควรต่อสู้คดี อย่ามั่นใจว่าตัวเองไม่ผิดแล้วไม่ทำอะไร เนื่องจากหลักการพิจารณาของศาลจะอาศัยตามพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนส่งฟ้อง
                
นางจอมทรัพย์ กล่าวว่า ตนถูกจำคุกนาน 1 ปี 6 เดือน อยู่ที่เรือนจำจังหวัดนครพนม ก่อนหน้านี้เคยรับราชการเป็นครูมา 31 ปี หลังออกจากเรือนจำยังไม่สามารถกลับเข้ารับราชการได้ แม้จะได้ยื่นเรื่องขอกลับเข้ารับราชการไว้กับสำนักงานเขตการศึกษาฯ ในพื้นที่ เนื่องจากต้องรอคำพิพากษาของศาล ว่าไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบกับชีวิตครอบครัวและบุคคลรอบข้าง โดยเฉพาะครอบครัว เพราะตนถือเป็นเสาหลัก ทำให้ลูกชายไม่ได้เรียนหนังสือไปหนึ่งคน ขณะที่คนรอบข้างที่เคยนับถือในฐานะครูก็น้อยลง แต่ตนยืนยันจะเผชิญหน้ากับปัญหาทั้งหมด เพื่อให้เป็นตัวอย่างกับสังคม ทั้งในฐานะครูและผู้ที่ถูกจำคุกโดยไม่ได้กระทำผิดต้องต่อสู้เพื่อความถูกต้อง
ขณะที่เฟซบุ๊ก Drama-addict โพสต์ข้อความเรื่องนี้ว่า
เรื่องของครูคนนี้ แม่งรู้สึกว่าระบบยุติธรรมบ้านเราแม่งน่าอดสูมาก
เรื่องของเรื่องคือ มีคนขับรถชนคนตาย ตำรวจได้เบาะแสเป็นเลขป้ายทะเบียน ก็ไปสืบข้อมูล แต่รู้เลขทะเบียนอย่างเดียว ไม่รู้ว่าเป็นเลขทะเบียนจังหวัดไหน หวยก็ออกที่ครูคนนี้ ตำรวจส่งหมายเรียกมาให้ไปสู้คดีข้อหาขับรถชนคนตาย
ครูก็ยืนยันว่าไม่ได้ทำไรผิด ก็สู้คดีไป
ปรากฏ สู้ถึงศาลฎีกา ศาลตัดสินยืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกสามปี 2 เดือน
ปรากฏว่าหลังถูกจำคุกไปปีนึง มีการสอบสวนคดีนี้ จนเจอพยานหลักฐานว่าครูคนนี้ตอนเกิดเหตุ ไม่ได้ขับรถแต่อยู่บ้านกับครอบครัว แล้วเจอคนที่ขับรถชนคนตายตัวจริง และเจ้าตัวก็รับสารภาพว่าเป็นคนทำด้วย
สุดท้าย ครูคนนี้เข้าคุกฟรีไปหนึ่งปี ชีวิตพังพินาศหมด หมดทั้งหน้าที่การงาน ลูกชายก็อดเรียนมหาลัยเพราะเธอเป็นเสาหลักของครอบครัว ไปไหนก็เจอแต่คนประณามว่าเป็นฆาตกร
นี่เรายังมีเหยื่อของกระบวนการยุติธรรมแบบนี้ติดอยู่ในคุกอีกกี่คนวะเนี่ย
ที่น่าสลดคือ ที่เลขาศูนย์ช่วยเหลือประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ที่เป็นคนยื่นมือช่วยเหลือเคสนี้ เขาบอกกับสื่อว่า "คดีที่ผู้ต้องหาไม่ใช่ผู้ที่กระทำผิดควรต่อสู้คดี อย่ามั่นใจว่าตัวเองไม่ผิดแล้วไม่ทำอะไร เนื่องจากหลักการพิจารณาของศาลจะอาศัยตามพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนส่งฟ้อง"
ไม่ได้ผิด ไม่ต้องกลัวอะไร คงใช้ไม่ได้ละกับบ้านนี้เมืองนี้

topicza.com



Loading...